

ปรึกษาปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ กับแพทย์เฉพาะทางเพศชาย ศรีราชา – ชลบุรี – พัทยา
Performed by a Urology Specialist at ASY Clinic
Sriracha – Chonburi – Pattaya
ปรึกษาปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ กับแพทย์เ ฉพาะทางเพศชาย
ศรีราชา – ชลบุรี – พัทยา
เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction หรือ ED) คือภาวะที่อวัยวะเพศชายไม่สามารถแข็งตัว หรือแข็งตัวได้ไม่นานพอจนไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างสมบูรณ์ ปัญหานี้ส่งผลต่อความมั่นใจ คุณภาพชีวิต และความสัมพันธ์กับคู่รักอย่างมาก
ทำไมเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ จึงเกิดขึ้น?
-
จาก European Association of Urology (EAU) Guidelines 2023 และ American Urological Association (AUA) 2018 พบว่า กว่า 50% ของผู้ชายอายุเกิน 50 ปี มีอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในระดับต่างๆ และปัจจัยที่พบบ่อย ได้แก่:
-
โรคหลอดเลือดและเบาหวาน (Vasculogenic ED)
ระบบไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงองคชาตลดลง จากภาวะไขมันอุดตัน ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคหัวใจ
-
ฮอร์โมนเพศชายต่ำ (Hypogonadism)
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ระดับเทสโทสเตอโรนจะลดลงเฉลี่ย 1-2% ต่อปี ส่งผลต่อสมรรถภาพและความต้องการทางเพศ (Bhasin S, JCEM, 2018)
-
ภาวะทางจิตใจ (Psychogenic ED)
ความเครียด กังวล ซึมเศร้า มีผลโดยตรงต่อกลไกการแข็งตัว
-
ยาบางชนิดหรือโรคประจำตัว
เช่น ยาความดัน เบต้า-บล็อกเกอร์ โรคไตวายเรื้อรัง
-

รักษาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศที่ไหนดีในชลบุรี -ศรีราชา-พัทยา?
ที่ ASY Clinic การรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศจะถูกวางแผนอย่างเหมาะสมเป็นรายบุคคล โดย แพทย์เฉพาะทางระบบทางเดินปัสสาวะ (Urologist) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพศชาย เข้าใจสาเหตุที่หลากหลายของ ED ทั้งด้านร่างกาย ฮอร์โมน และจิตใจ ทำให้สามารถออกแบบการรักษาได้ตรงจุด
ตัวอย่างทางเลือกการรักษาที่มีให้บริการ ได้แก่:
-
การให้คำปรึกษาอย่างละเอียด (Comprehensive Consultation) แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย และวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อการแข็งตัว เช่น โรคประจำตัว ยาที่ใช้ ความเครียด และระดับฮอร์โมน
-
Shockwave Therapy
ใช้คลื่นกระแทกความเข้มต่ำ (Low-Intensity Shockwave Therapy; Li-ESWT) เพื่อกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดใหม่ในองคชาต เพิ่มการไหลเวียนเลือด ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งยาในระยะยาว เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อยา หรือไม่ต้องการใช้ยาเป็นประจำ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Shockwave Therapy รักษาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ได้ที่หน้าให้บริการของเรา
-
การใช้ยาเพิ่มสมรรถภาพ (Oral PDE5 inhibitors) เช่น Sildenafil (Viagra®) และ Tadalafil (Cialis®) ซึ่งช่วยให้การไหลเวียนเลือดไปยังองคชาตดีขึ้น เห็นผลรวดเร็ว เหมาะกับผู้ที่มีปัญหา ED จากหลอดเลือดตีบหรือต้องการผลลัพธ์ทันที
-
Testosterone Supplement Therapy สำหรับผู้ที่ตรวจพบภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ (Low Testosterone, Hypogonadism) แพทย์จะพิจารณาการรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทนอย่างเหมาะสม ช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศ มวลกล้ามเนื้อ พลังงาน และคุณภาพชีวิตโดยรวม
-
การปรับพฤติกรรมและให้คำแนะนำด้านไลฟ์สไตล์ เช่น การควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกาย เลิกบุหรี่ ลดแอลกอฮอล์ และจัดการความเครียด ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศอย่างยั่งยืน
เมื่อไหร่ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพศชาย?
-
แข็งตัวไม่เต็มที่ หรือไม่สามารถรักษาการแข็งตัวได้จนเสร็จกิจ
-
มีความต้องการทางเพศลดลง
-
มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันสูง
-
เคยใช้ยาแล้วไม่ได้ผล
-
ต้องการฟื้นฟูสมรรถภาพเพศแบบยั่งยืน
“เราเชื่อว่า...สมรรถภาพทางเพศที่ดี
ไม่ใช่แค่เรื่องของร่างกาย
แต่คือคุณภาพชีวิตของผู้ชายทุกคน”

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรักษาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (ED FAQ)
❓ การรักษาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศจำเป็นต้องใช้ยาไปตลอดชีวิตหรือไม่
คำตอบ: ไม่จำเป็นเสมอไป การรักษา ED มีหลายวิธี เช่น Shockwave Therapy ที่ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพอย่างถาวรโดยไม่ต้องพึ่งยา รวมถึงการปรับพฤติกรรมและรักษาฮอร์โมน หากได้รับการดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางและรักษาที่สาเหตุ จะช่วยลดการใช้ยาระยะยาวได้
❓ Shockwave Therapy เจ็บไหม และต้องทำกี่ครั้ง?
คำตอบ: โดยทั่วไป Shockwave Therapy ไม่เจ็บ รู้สึกเพียงแรงสะท้อนเล็กน้อยในจุดที่ทำการรักษา มักใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีต่อครั้ง และทำต่อเนื่อง 4-6 ครั้งขึ้นไปเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Shockwave Therapy รักษาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ได้ที่หน้าให้บริการของเรา
❓ ถ้าฮอร์โมนเพศชายต่ำ จำเป็นต้องฉีด Testosterone หรือไม่
คำตอบ: การรักษาด้วยฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone Replacement Therapy) จะเริ่มเมื่อแพทย์ประเมินแล้วว่าระดับฮอร์โมนต่ำจริงและมีอาการสัมพันธ์ โดยแพทย์จะพิจารณาทั้งข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมเป็นรายบุคคล ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องฉีด
❓ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ รักษาให้หายขาดได้หรือไม่
คำตอบ: หาก ED เกิดจากโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน อาจไม่หายขาด แต่สามารถควบคุมได้ดีจนกลับมาใช้ชีวิตปกติ ส่วน ED จากปัจจัยชั่วคราว เช่น ความเครียด หรือฮอร์โมนต่ำ หากรักษาที่สาเหตุ สามารถกลับมาเป็นปกติได้ในหลายกรณี
❓ ต้องตรวจอะไรบ้างก่อนเริ่มรักษา เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
คำตอบ: แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจตรวจเลือดดูระดับน้ำตาล ไขมัน ฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) และสุขภาพทั่วไป เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม