แผลหนังหุ้มปลาย เกิดจากอะไร? โรคที่พบบ่อยและการรักษาเบื้องต้น

Sirirat Nakdang
10 มิ.ย.
ยาว 1 นาที

อัปเดตเมื่อ 13 มิ.ย.

แผลหนังหุ้มปลาย เกิดจากอะไร? โรคที่พบบ่อยและการรักษาเบื้องต้น

แผลบริเวณหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ หรือที่หลายคนเรียกว่า “แผลหนังหุ้มปลาย” เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในคลินิกระบบทางเดินปัสสาวะและเพศชาย อาการอาจดูเหมือนเล็กน้อย แต่บางครั้งเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า แผลหนังหุ้มปลาย อาจเกิดจากสาเหตุใดบ้าง พร้อมคำแนะนำในการดูแลรักษา และการพิจารณาทำการขลิบหนังหุ้มปลาย เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

1. แผลหนังหุ้มปลายจาก Penile Fissure

Penile fissure คือภาวะที่มีรอยแยกหรือรอยถลอกเล็ก ๆ ที่บริเวณหนังหุ้มปลายหรือรอยพับของผิวหนัง สาเหตุหลักมักเกิดจาก:

การเสียดสีระหว่างมีเพศสัมพันธ์
การใส่กางเกงในที่รัดแน่น
การล้างด้วยสบู่ที่แรงเกินไป

ลักษณะของแผล: รอยแผลมักจะมีลักษณะบาง แห้ง หรืออักเสบเป็นแนวยาว และรู้สึกเจ็บขณะปัสสาวะหรือระหว่างการมีเพศสัมพันธ์

แผลหนังหุ้มปลาย จาก Penile Fissure — แผลหนังหุ้มปลายจาก Penile Fissure

การดูแล: หลีกเลี่ยงการระคายเคือง รักษาความสะอาด และทายาฆ่าเชื้อเบา ๆ หากเป็นบ่อย ควรพิจารณาพบแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ เพื่อประเมินว่ามีภาวะหนังหุ้มปลายตีบหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ต้องขลิบหนังหุ้มปลาย

2. แผลหนังหุ้มปลายจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) เช่น หนองใน, หนองในเทียม, ซิฟิลิส

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่าง หนองใน (Gonorrhea) และ คลามัยเดีย (Chlamydia) สามารถก่อให้เกิดแผลหรือการอักเสบที่บริเวณหนังหุ้มปลายได้

ลักษณะของแผล: มักมีลักษณะบวม แดง มีน้ำหนองไหล หรือเป็นแผลเปื่อย มีอาการคันหรือปวดแสบปวดร้อนร่วมด้วย

แผลหนังหุ้มปลายจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) เช่น หนองใน, หนองในเทียม, ซิฟิลิส

อาการที่บ่งชี้:

แผลแดงหรือปื้นที่ปลายอวัยวะเพศ
มีหนองจากท่อปัสสาวะ
ปวดแสบขณะปัสสาวะ
หนังหุ้มปลายอักเสบเรื้อรัง

คำแนะนำ: หากสงสัยว่ามีอาการเหล่านี้ ควรตรวจ STD และรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะมีบุตรยาก หรือการลุกลามของการติดเชื้อ

🔗 อ่านเพิ่มเติม: การรักษา STDs กับแพทย์เฉพาะทาง

3. แผลหนังหุ้มปลายจากโรค Balanitis Xerotica Obliterans (BXO)

BXO เป็นภาวะอักเสบเรื้อรังที่พบได้บ่อยในเพศชายที่ไม่ได้ขลิบหนังหุ้มปลาย

ลักษณะของแผล: มีแผลสีขาว ๆ หรือสีเทาบริเวณหนังหุ้มปลาย ผิวแห้งกร้านและไม่ยืดหยุ่น เมื่อเป็นเรื้อรัง อาจทำให้เกิดหนังหุ้มปลายตีบ ปัสสาวะลำบาก หรือเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์

อาการที่พบบ่อย:

ผิวหนังแข็ง ขาว หรือหนา
แผลหรือรอยแตกเป็น ๆ หาย ๆ
ปัสสาวะลำบาก

แผลหนังหุ้มปลายจากโรค Balanitis Xerotica Obliterans (BXO)

ทำไม BXO อันตราย?หากปล่อยไว้ อาจทำให้ท่อปัสสาวะตีบหรือกลั้นปัสสาวะไม่ได้ การขลิบหนังหุ้มปลายมักเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและช่วยบรรเทาอาการได้ในระยะยาว

แนวทางการรักษา: ในระยะเริ่มต้นอาจใช้ยาทาสเตียรอยด์ แต่หากเป็นมาก มักจำเป็นต้องพิจารณาขลิบหนังหุ้มปลายเพื่อป้องกันการลุกลาม และการปัสสาวะลำบาก

4. แผลหนังหุ้มปลาย-มะเร็งองคชาต (Penile Cancer)

แม้จะพบไม่บ่อยนัก แต่แผลหนังหุ้มปลายที่ไม่หายขาด หรือมีลักษณะแผลแปลก ๆ ควรระวังว่าอาจเป็น มะเร็งองคชาต ได้

ลักษณะของแผล: แผลเรื้อรัง มีเลือดออกง่าย มีกลิ่นเหม็น อาจมีต่อมน้ำเหลืองโตที่ขาหนีบ

อาการที่ต้องระวัง:

แผลขนาดใหญ่ที่ไม่หาย
มีก้อนเนื้อหรือรอยปูดบริเวณปลายอวัยวะเพศ
มีกลิ่นเหม็นจากแผล

ทำไมต้องรีบพบแพทย์? หากตรวจพบมะเร็งในระยะเริ่มต้น การรักษา เช่น การขลิบหรือการตัดเนื้อบางส่วน อาจเพียงพอโดยไม่ต้องตัดอวัยวะออกทั้งชิ้น และสามารถรักษาให้หายขาดได้

สำคัญมาก: หากมีแผลที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาทั่วไปภายใน 2 สัปดาห์ ควรเข้ารับการตรวจโดย แพทย์เฉพาะทางระบบทางเดินปัสสาวะ โดยเร็วที่สุด

แผลหนังหุ้มปลาย-มะเร็งองคชาต (Penile Cancer) — แผลอวัยวะเพศ-มะเร็งองคชาต (Penile Cancer)

พบแผลหนังหุ้มปลาย ควรทำอย่างไร?

หากคุณพบว่า แผลหนังหุ้มปลาย เกิดขึ้นซ้ำ ๆ หรือมีลักษณะผิดปกติ ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคทางระบบทางเดินปัสสาวะที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์เฉพาะทางโดยด่วน

ทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดการเกิดแผลหนังหุ้มปลายซ้ำซาก คือ การขลิบหนังหุ้มปลาย (Circumcision) ซึ่งช่วยให้ทำความสะอาดง่าย ลดการสะสมของเชื้อโรค และลดการเสียดสี ระคายเคือง

📍 สนใจประเมินอาการ หรือต้องการรับการรักษาอย่างถูกต้องจากแพทย์เฉพาะทางเฉพาะด้าน🔗 คลิกดูข้อมูลเพิ่มเติม: ขลิบหนังหุ้มปลายที่ ASY Clinic – ศรีราชา ชลบุรี พัทยา