ยาช่วยแข็งตัว: ยากลุ่ม PDE5i ทำงานอย่างไร?

Sirirat Nakdang
3 พ.ค.
ยาว 1 นาที

เข้าใจกลไกของ "ยาช่วยแข็งตัว" แบบวิทยาศาสตร์

เมื่อพูดถึง "ยาช่วยแข็งตัว" หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันดีในชื่อของ Viagra (Sildenafil), Cialis (Tadalafil) และ Levitra (Vardenafil) ยาเหล่านี้จัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า PDE5 inhibitors (PDE5i) ซึ่งออกฤทธิ์โดยตรงต่อกลไกทางสรีรวิทยาของการแข็งตัวขององคชาต

แต่ยากลุ่ม PDE5i ทำงานอย่างไร? มาดูกันแบบเข้าใจง่ายกันดีกว่า

ยาช่วยแข็งตัว หรือยากลุ่ม PDE5i ทำงานอย่างไร?

การแข็งตัวของอวัยวะเพศชายเกิดขึ้นได้อย่างไร?

การแข็งตัวเกิดจากกระบวนการขยายตัวของหลอดเลือดในองคชาต ซึ่งเริ่มต้นเมื่อมีการกระตุ้นทางเพศ สมองจะส่งสัญญาณไปยังเส้นประสาทในองคชาต ทำให้เกิดการปล่อยสารไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide - NO) ไนตริกออกไซด์กระตุ้นการสร้างสารชื่อ cGMP (cyclic guanosine monophosphate) ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือดคลายตัว เลือดจึงไหลเข้าไปในเนื้อเยื่อองคชาต ส่งผลให้เกิดการแข็งตัว

PDE5i: ตัวช่วยยืดเวลาการแข็งตัวของคุณ

หลังจากที่ร่างกายสร้าง cGMP แล้ว ร่างกายจะผลิตเอนไซม์ตัวหนึ่งชื่อว่า Phosphodiesterase type 5 (PDE5) ซึ่งจะทำลาย cGMP นั่นหมายความว่าเมื่อ PDE5 มากขึ้น การแข็งตัวจะหยุดลงเร็วกว่าที่ควร ยากลุ่ม PDE5i จึงออกฤทธิ์ ยับยั้ง PDE5 ทำให้ cGMP คงอยู่ในระดับสูงได้ยาวนานขึ้น นั่นแปลว่า การแข็งตัวจะเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น และนานขึ้น เมื่อตอบสนองต่อการกระตุ้นทางเพศ

“PDE5 inhibitors ไม่ได้ทำให้เกิดการแข็งตัวโดยตรง แต่ช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่อการกระตุ้นทางเพศได้ดียิ่งขึ้น”

ตัวอย่างของยาช่วยแข็งตัวในกลุ่ม PDE5i

ชื่อยา	ระยะเวลาออกฤทธิ์	จุดเด่น
Sildenafil	4-6 ชั่วโมง	ออกฤทธิ์ไว, ควรกินก่อนกิจกรรม 30-60 นาที
Tadalafil	สูงสุด 36 ชั่วโมง	เหมาะกับคนที่ต้องการความยืดหยุ่น, อาหารไขมันสูงไม่มีผลต่อการดูดซึมยา
Vardenafil	4-5 ชั่วโมง	ออกฤทธิ์ใกล้เคียง Sildenafil, บางคนตอบสนองดีกว่า